เมื่อพูดถึงทรัพย์สินทางปัญญา หลายคนอาจสับสนระหว่าง ลิขสิทธิ์ (Copyright) และ เครื่องหมายการค้า (Trademark) เพราะทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ แต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของลักษณะการคุ้มครอง วัตถุประสงค์ และระยะเวลาคุ้มครอง

ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบให้เห็นว่า ลิขสิทธิ์ ต่างกับ เครื่องหมายการค้า ยังไงบ้าง เพื่อให้คุณสามารถใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างเหมาะสม

ลิขสิทธิ์ ต่างกับ เครื่องหมายการค้า

ลิขสิทธิ์คืออะไร?

ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิที่มอบให้แก่ เจ้าของผลงานสร้างสรรค์ โดยอัตโนมัติเมื่อผลงานนั้นเสร็จสมบูรณ์ และเป็นสิทธิที่ใช้คุ้มครอง งานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ เช่น งานเขียน ภาพถ่าย เพลง ภาพยนตร์ และศิลปะประเภทต่างๆ

ประเภทของผลงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์

ตามกฎหมาย ลิขสิทธิ์คุ้มครองผลงานที่อยู่ใน 9 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. วรรณกรรม – หนังสือ บทความ บทละคร
  2. นาฏกรรม – การแสดง ละครเวที การเต้นรำ
  3. ศิลปกรรม – ภาพวาด ภาพถ่าย ประติมากรรม
  4. ดนตรีกรรม – โน้ตเพลง ทำนอง เนื้อร้อง
  5. โสตทัศนวัสดุ – สื่อเสียงและภาพ เช่น งานมัลติมีเดีย
  6. ภาพยนตร์ – ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์
  7. สิ่งบันทึกเสียง – เพลง พอดแคสต์
  8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ – รายการวิทยุและโทรทัศน์
  9. งานอื่นๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
ประเภทของผลงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์

ลักษณะสำคัญของลิขสิทธิ์

  • ได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
  • มีอายุคุ้มครองยาวนาน – ลิขสิทธิ์มีผลตั้งแต่วันที่สร้างสรรค์ผลงาน และยังคงมีผลต่อเนื่องไปอีก 50 ปี หลังจากผู้สร้างเสียชีวิต
  • เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถควบคุมการใช้งาน – ผู้สร้างสรรค์ผลงานมีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง และอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ผลงาน

ข้อควรระวังเกี่ยวกับลิขสิทธิ์

  • ไม่คุ้มครองแนวคิดหรือไอเดีย แต่คุ้มครองเฉพาะรูปแบบที่แสดงออกมา เช่น หนังสือที่เขียนเสร็จแล้ว ไม่ใช่ไอเดียของเรื่องนั้น
  • ไม่ครอบคลุมชื่อทางการค้า คำโฆษณา หรือโลโก้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายการค้าคืออะไร?

เครื่องหมายการค้าเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อระบุ แหล่งที่มาของสินค้าและบริการ เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่าสินค้าหรือบริการนั้นมาจากใคร โดยสามารถอยู่ในรูปแบบของ คำ ข้อความ ตัวอักษร โลโก้ สัญลักษณ์ รูปร่าง หรือสี ที่ใช้กับสินค้าและบริการ

ลักษณะสำคัญของเครื่องหมายการค้า

  • ต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง – ต่างจากลิขสิทธิ์ที่ได้รับโดยอัตโนมัติ เครื่องหมายการค้าจะต้องผ่านการตรวจสอบและจดทะเบียนก่อน
  • ใช้เพื่อแยกแยะสินค้าและบริการ – เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคสับสนระหว่างแบรนด์ต่างๆ
  • มีอายุการคุ้มครอง 10 ปี – นับจากวันที่จดทะเบียน และสามารถต่ออายุได้เรื่อยๆ

ข้อดีของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

  • สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ – ช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่าย
  • มีสิทธิ์ทางกฎหมายในการปกป้องเครื่องหมายของตน – สามารถดำเนินคดีได้หากมีผู้ละเมิด
  • สามารถขยายไปยังต่างประเทศได้ – สามารถยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศผ่าน พิธีสารมาดริด (Madrid Protocol)

ข้อจำกัดของเครื่องหมายการค้า

  • การคุ้มครองจำกัดเฉพาะ ประเภทของสินค้าหรือบริการที่จดทะเบียน
  • ถ้าไม่มีการใช้เครื่องหมายการค้าเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจถูกเพิกถอนได้

ตาราเปรียบเทียบ ลิขสิทธิ์ ต่างกับ เครื่องหมายการค้า อย่างไรบ้าง

หัวข้อลิขสิทธิ์ (Copyright)เครื่องหมายการค้า (Trademark)
คุ้มครองอะไร?ผลงานสร้างสรรค์ เช่น หนังสือ เพลง ศิลปะ ภาพยนตร์เครื่องหมาย โลโก้ หรือชื่อที่ใช้กับสินค้าและบริการ
ได้รับการคุ้มครองโดยอัตโนมัติหรือไม่?✅ ใช่❌ ไม่ ต้องจดทะเบียน
ต้องจดทะเบียนหรือไม่?❌ ไม่ต้อง✅ ต้องจดทะเบียน
อายุการคุ้มครองตลอดชีวิต + 50 ปี10 ปี (ต่ออายุได้ไม่จำกัด)
ป้องกันอะไร?การทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตการใช้ชื่อหรือโลโก้ที่คล้ายกันโดยบุคคลอื่น
ครอบคลุมข้ามประเทศหรือไม่?✅ อัตโนมัติในหลายประเทศ❌ ต้องจดทะเบียนในแต่ละประเทศ หรือผ่านพิธีสารมาดริด

สรุป

✅ ลิขสิทธิ์ เหมาะสำหรับ…

  • ผู้ที่สร้างสรรค์งานต้นฉบับ เช่น ศิลปิน นักเขียน นักดนตรี
  • ผู้ที่ต้องการปกป้องเนื้อหาและงานศิลปะจากการละเมิด

✅ เครื่องหมายการค้า เหมาะสำหรับ…

  • เจ้าของธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ
  • ผู้ที่ต้องการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้ชื่อหรือโลโก้ที่คล้ายกัน

หากคุณมีโลโก้ที่ออกแบบขึ้นมา คุณอาจได้รับการคุ้มครองทั้งลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ในเวลาเดียวกัน โดยในแง่ของลิขสิทธิ์ โลโก้จะถือเป็นงานศิลปกรรมที่ได้รับความคุ้มครองอัตโนมัติ ส่วนในแง่ของเครื่องหมายการค้า จะต้องมีการจดทะเบียนเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

ดังนั้น หากคุณกำลังทำธุรกิจหรือสร้างสรรค์ผลงาน การเข้าใจว่า ลิขสิทธิ์ ต่างกับ เครื่องหมายการค้า ยังไงจะช่วยให้คุณสามารถปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของคุณได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง