โดยหลักแล้ว เมื่อเครื่องหมายการค้าผ่านการพิจารณาจาก กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จะมีผลคุ้มครองย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น และจะมีอายุ 10 ปี นับแต่วันที่ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ซึ่งสามารถต่ออายุทุก ๆ 10 ปี ต่อได้ไม่จำกัด โดยต้องยื่นคำขอต่ออายุภายใน 3 เดือนก่อนวันสิ้นอายุ หรือภายใน 6 เดือนหลังจากวันสิ้นอายุ โดยต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในกรณียื่นหลังวันหมดอายุ

เงื่อนไขและขั้นตอนการต่ออายุเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย
- เงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม
- เจ้าของเครื่องหมายการค้าต้องดำเนินการยื่นคำขอต่ออายุตามกรอบเวลาที่กำหนด
- เครื่องหมายการค้าต้องยังคงใช้งานอยู่ และไม่มีข้อพิพาทที่มีผลต่อสถานะการจดทะเบียน
- ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการใช้งานเครื่องหมายการค้าในการต่ออายุ
- เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุ
- คำขอต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (แบบ ค.5)
- สำเนาใบรับรองการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเดิม
- หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียม
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้ตัวแทนดำเนินการแทน)
- ค่าธรรมเนียมในการต่ออายุ
- ค่าธรรมเนียมการต่ออายุเครื่องหมายการค้า 2,000 บาทต่อประเภทสินค้า/บริการ
- หากยื่นคำขอหลังจากวันหมดอายุ แต่ภายใน 6 เดือน จะต้องชำระค่าธรรมเนียมล่าช้าเพิ่มเติม 20% ของค่าธรรมเนียมปกติ
ข้อดีของการต่ออายุเครื่องหมายการค้า
- ป้องกันการละเมิดสิทธิ์ทางการค้า: คุ้มครองสิทธิ์ของเจ้าของเครื่องหมายในการใช้ชื่อหรือโลโก้ทางธุรกิจ
- เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ: เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการต่ออายุสม่ำเสมอจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
- ป้องกันการสูญเสียสิทธิ์: หากเครื่องหมายการค้าหมดอายุและไม่ได้ต่ออายุ อาจทำให้ผู้อื่นสามารถยื่นขอจดทะเบียนใหม่ได้
- ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขัน: ธุรกิจที่มีเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการคุ้มครองสามารถสร้างความแตกต่างและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรระวังเกี่ยวกับอายุของเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย
- หากไม่ได้ต่ออายุภายใน 6 เดือนหลังหมดอายุ อาจต้องยื่นจดทะเบียนใหม่ ซึ่งอาจทำให้เครื่องหมายการค้าถูกนำไปใช้โดยบุคคลอื่น
- การเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของเครื่องหมายการค้าควรดำเนินการแจ้งกรมทรัพย์สินทางปัญญาก่อนการต่ออายุ
- การไม่ต่ออายุเครื่องหมายการค้าอาจทำให้สินค้าหรือบริการขาดความน่าเชื่อถือ และอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิทางการค้าในอนาคต
เคล็ดลับสำหรับการจัดการเครื่องหมายการค้าให้มีประสิทธิภาพ
- จัดทำปฏิทินการต่ออายุเครื่องหมายการค้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการลืมต่ออายุ
- ใช้ที่ปรึกษาด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อช่วยตรวจสอบสถานะของเครื่องหมายการค้า
- ตรวจสอบข้อกำหนดและกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าในแต่ละประเทศ หากธุรกิจดำเนินงานในหลายพื้นที่
- เก็บรักษาเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและต่ออายุเครื่องหมายการค้าอย่างเป็นระเบียบ
สรุปความสำคัญของการต่ออายุของเครื่องหมายการค้า
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและการต่ออายุของเครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าได้อย่างต่อเนื่อง การวางแผนและดำเนินการต่ออายุภายในเวลาที่กำหนดจะช่วยให้ธุรกิจสามารถป้องกันปัญหาทางกฎหมายและรักษาความได้เปรียบทางการค้าไว้ได้ นอกจากนี้ การบริหารจัดการเครื่องหมายการค้าอย่างมีระบบยังช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงและลดความเสี่ยงจากการสูญเสียสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า